การบำรุงรักษาแบตเตอรี่รถยนต์

การบำรุงรักษาแบตเตอรี่รถยนต์

อายุ การใช้งานของแบตเตอรี่ จะยาวนานย่อมขึ้นอยู่กับการออกแบบการสร้างการนำไปใช้ ตลอดถึงการบริการ ซึ่งต้องทำความสะอาดภายนอกแบตเตอรี่, สายแบตเตอรี่และขั้ว ตลอดถึงการยึด การตรวจน้ำยา ซึ่งมีผลต่ออายุของแบตเตอรี่นั้นๆ

แบตเตอรี่ จำเป็นต้องตรวจบริการอยู่เสมอ เพื่อที่จะให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นซึ่งการบริการในรถ และยกออกนอกรถ การบริการในรถได้แก่ ทดสอบแบตเตอรี่ด้วยโวลท์มิเตอร์, การเติมน้ำกลั่น, การวัด ถ.พ. ด้วยไฮโดรมิเตอร์, การทำความสะอาดแบตเตอรี่, การเปลี่ยนสายและการยึดขั้วให้แน่น การบริการนอกรถได้แก่ การเติมน้ำกลั่น, การทดสอบด้วยโวลท์มิเตอร์, และไฮโดรมิเตอร์, การอัดไฟใหม่, การทำความสะอาดเปลือกหม้อและแท่นรองรับ

การเติมน้ำกลั่น (Adding Water)

ใน การบริการแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง ต้องคอยตรวจเติมระดับน้ำกลั่นเป็นระยะเวลาเพื่อป้องกันระดับน้ำยาแห้ง และต่ำกว่าแผ่นธาตุ ซึ่งจะทำให้แผ่นธาตุบางส่วนสัมผัสอากาศทำให้เกิดการเสียหายได้ การเติมน้ำกลั่นประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะว่าเมื่อใช้งานไปมีปฏิกิริยากลับไปกลับมา ทำให้น้ำระเหยหนีไป จึงต้องเติมน้ำกลั่น จะเติมน้ำคลองหรือน้ำประปาไม่ได้ เพราะมีสิ่งเจือปนอยู่มาก สิ่งเจือปนเหล่านี้จะทำให้เกิดกระแสไหลครบวงจรภายใน ซึ่งทำให้อายุสั้นลง การเติมควรให้สูงท่วมแผ่นธาตุ 3/8 นิ้ว

การทำความสะอาดสายแบตเตอรี่ (Battery Cable)

ที่ ขั้วแบตเตอรี่ และที่ขั้วสาย จะมีพวกซัลเฟต ซึ่งเกิดจากการระเหยของน้ำ จะทำให้ขั้วสกปรกและเกิดการกัดกร่อนขึ้น ดังนั้นจึงควรถอดขั้วสายแบตเตอรี่ออก ใช้แปรงลวดขัดทำความสะอาดที่ขั้วแบตเตอรี่และที่ขั้วสาย จากนั้นใส่ขั้วและกวดขันยึดให้แน่น 

การบำรุงรักษาโดยรวม

1. นำแบตเตอรี่ไปติดตั้งในรถยนต์ต้องแน่นและแข็งแรง ไม่กระทบกระเทือนมาก ขั้วทั้งสองจะต้องแน่น และจะต้องสะดวกในการบริการ

2. แบตเตอรี่ที่อัดไฟแล้วเกินกว่า 1 สัปดาห์ ต้องอัดไฟอีกก่อนที่จะบริการ

3. ตรวจระดับของน้ำยาอยู่เสมอ ถ้าระดับน้ำยาต่ำลง ให้ใช้น้ำกลั่นเติมลงไปให้ได้ระดับ (ห้ามเติมกรดกำมะถัน)

4. แบตเตอรี่ไม่ได้ใช้งาน ต้องทำการอัดไฟใหม่ทุกๆ 1 เดือน และเดือนละ 2 ครั้งสำหรับฤดูหนาว

5.ล้างและทำความสะอาดภายนอกหม้อของแบตเตอรี่ให้สะอาดอยู่เสมอ

6. ปลอดภัยจากการวัดวงจร เช่นสายแบตเตอรี่ห่างท่อไอเสียหรืออย่าวางเครื่องมือบนแบตเตอรี่

วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์

1. หมั่นตรวจดูระดับน้ำกลั่น ให้อยู่ในระดับ LOWER LEVEL และ UPPER LEVEL 

- ถ้าระดับน้ำต่ำกว่า LOWER LEVEL จะทำให้แผ่นธาตุเกิดการเสียหายได้ซึ่งเป็นเหตุให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ สั้นลงหรือ เสียหายทันทีได้

- ถ้าระดับน้ำสูงกว่า UPPER LEVEL จะทำให้เกิดการไหลออกของน้ำกรดในแบตเตอรี่และทำความเสียหายต่อรถท่านได้

ตรวจดูระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์

2. ขันขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ให้แน่น เพื่อกระแสไฟเดินได้ดี สะดวก

ขันขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ให้แน่น

3. ทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกหรือขี้เกลือที่ติดตามขั้วแบตเตอรี่รถยนต์และพื้น ผิว อันเกิดจากการใช้งาน โดยนำน้ำร้อนมาเทบนคราบสกปรกและขี้เกลือเหล่านั้น แล้วนำผ้าแห้งมาเช็ด

ทำความสะอาดแบตเตอรี่รถยนต์

4. ตรวจดูการทำงานของไดชาร์จ ว่าทำงานปกติหรือไม่ (ค่ากระแสไฟควรจะอยู่ระหว่าง 13.6 ถึง 14.5 โวล์ ในภาวะการใช้ไฟทั้งระบบ-เปิดไฟหน้า, เปิดแอร์, เปิดวิทยุ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆภายในรถยนต์) ถ้าท่านไม่สามารถตรวจเองได้ ให้นำรถยนต์ของท่านไปร้านแบตเตอรี่ หรือร้านไดนาโม เพื่อทำการตรวจสอบ

ตรวจเช็คการทำงานของระบบไดชาร์จกับแบตเตอรี่รถยนต์

Share this Post: