อาการแบตเสื่อม

อาการแบตเสื่อม

ข้อสังเกตเมื่อแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ

1. เมื่อรถยนต์ของท่านมีอาการสตาร์ทช้า และมีเสียงของมอเตอร์สตาร์ททำงานมากดังแกรกๆ ซึ่งครั้งแรกๆจะมีอาการนิดหน่อย แต่พอผ่านไปสักสองสามวัน จะมีอาการดังของมอเตอร์สตาร์ทดังขึ้นเรื่อยๆครับ หลังจากนั้นสักพักก็สตาร์ทไม่ติดครับ อาการแบบนี้ส่วนมากมักจะเกิดจากแบตเตอรี่รถยนต์ที่เสื่อมสภาพแล้วครับ ดังนั้นผู้ใช้รถยนต์ควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ทันที่เพราะท่านไม่ สามารถคาดเดาได้เลยว่ารถยนต์ของท่านจะไปเสียกลางทางในเวลาไหนครับ

2. หลังจากท่านสังเกตอาการดังกล่าวแล้วเพื่อให้แน่ใจ อีกครั้งหนึ่งว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของท่านเสื่อมสภาพจริงๆ ท่านสามารถสังเกตได้จากน้ำกรดในช่องของแบตเตอรี่ว่าแห้งหรือไม่ (สำหรับแบตเตอรี่ชนิดน้ำหรือแบบน้ำ) ถ้าแบตเตอรี่ของท่านมีน้ำกรดต่ำกว่าระดับแผ่นธาตุและท่านไม่เคยเติมน้ำกลั่น มาเป็นระยะเวลานาน ท่านมั่นใจได้เลยว่าแบตเตอรี่ของท่านแทบที่จะไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีกนะ ครับ ถึงแม้ท่านจะนำไปเปลี่ยนถ่ายน้ำกรดใหม่และชาร์จไฟใหม่ก็ตามเพราะค่าของ แบตเตอรี่รถยนต์ของท่านจะมีค่าลดลงหรือนั่นหมายถึงอายุงานที่ลดลงตามลำดับ ครับ

3. สำหรับท่านที่ใช้แบตเตอรี่ชนิดแห้ง หรือ MF แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ท่านสามารถสังเกตได้จากช่องตาแมวที่อยู่บนแบตเตอรี่ของท่านว่ามีสีอะไร ตัวอย่างเช่นถ้าตาแมวบนแบตเตอรี่บ่งบอกว่าเป็นสีเขียวหรือน้ำเงิน (แสดงว่ามีไฟอยู่) และท่านใช้งานแบตเตอรี่มาเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่าแล้ว แต่รถยนต์ของท่านยังเกิดอาการสตาร์ทติดยากดังกล่าว อาการนั้นจะแสดงถึงแบตเตอรี่รถยนต์ของท่านนั้นเสื่อมสภาพแล้วครับ

สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสียหรือหมดอาจสามารถระบุได้ดังนี้

1. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากหมดอายุการใช้งาน ปกติแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานระหว่าง 1 ปีถึง 3 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่ท่านวิ่ง หรืออายุของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ตั้งแต่วันที่ท่านซื้อมา

2. การทำงานผิดปกติของไดชาร์จซึ่งแบ่งออกเป็นสองกรณีคือ Under Charging และ Over Charging สำหรับ Under Charging นั่นหมายถึงการที่ไดชาร์จอัดไฟเข้าแบตเตอรี่ไม่เพียงพอและทำให้แบตเตอรี่หมด ไฟ ในกรณีนี้ท่านสามารถนำแบตเตอรี่ไปอัดไฟเพิ่มได้ตามร้านแบตเตอรี่ทั่วไป สำหรับ Over Charging นั่นหมายถึงการที่ไดชาร์จอัดไฟเกินเข้าแบตเตอรี่แบบต่อเนื่องและทำให้ แบตเตอรี่เกิดความร้อนและน้ำกรดในแบตเตอรี่เดือดจนแห้งในกรณีนี้แบตเตอรี่รถ ยนต์ของท่านอาจจะเกิดการแตกหรือระเบิดได้ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหาย กับชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่องยนต์ของท่าน

3. การทำงานของระบบไฟในรถของท่านเช่นไฟรั่ว ไฟรวน ในกรณีไฟรั่ว แบตเตอรี่จะจ่ายไฟออกตลอดเวลานั่นหมายถึงแบตเตอรี่ของท่านทำงานตลอด24ชม ซึ่งเป็นเหตุให้อายุการใช้งานสั้นลงกว่าเดิม ในส่วนกรณีไฟรวน นั่นหมายถึงไดชาร์จทำงานจ่ายไฟผิดปกติ จ่ายมากเกินไป หรือบางทีจ่ายน้อยเกินไป ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ของท่านไม่สามารถทนทานต่อกระแสไฟที่รวนได้และในที่สุด ก็เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

ดัง นั้นการดูแลรักษาและคอยตรวจสอบไดชาร์จ ระบบไฟของรถ และแบตเตอรี่ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านไม่ควรจะมองข้าม เพราะไดชาร์จ ระบบไฟของรถ และแบตเตอรี่ เป็นของคู่กันและทำงานไปพร้อมๆกัน

รู้ได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่รถยนต์หมดสภาพ

ลักษณะและสาเหตุของแบตเตอรี่รถยนต์หมดสภาพสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท

1. แบตเตอรี่หมดเนื่องมาจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน

-สังเกตได้จากเวลาสตาร์ทเครื่องจะสตาร์ทติดยากกว่าปกติ หรือสตาร์ทครั้งเดียวไม่ติดต้องสตาร์ทครั้งที่สองหรือสาม

-สังเกต ได้จากตาแมว (ในกรณีที่เป็นแบตเตอรี่แห้ง MF หรือ SMF) ตาแมวจะเป็นสีแดงหรือสีเกือบดำ นั้นแสดงถึงแผ่นธาตุของแบตเตอรี่หมดอายุและมีอาการแตกเป็นผงสีดำ

-สังเกต ได้จากการนำแบตเตอรี่ไปชาร์จ (ทั้งชนิดน้ำและแห้ง) ถ้าชาร์จจนได้ 12.5 โวลต์แล้ว นำไปติดตั้งที่รถ และหลังจากนั้น 2-3 วันลองสตาร์ทรถอีกที ถ้าสตาร์ทไม่ติดแสดงว่าแบตเตอรี่ของลูกนั้นเสื่อมสภาพแล้ว หรือนำมิเตอร์วัดไฟไปวัดแล้วได้ค่าต่ำกว่า 12 โวลต์นั้นหมายถึงแบตเตอรี่ลูกนั้นไม่เก็บไฟหรือเสื่อมสภาพ

2. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเนื่องมาจากระบบไฟในรถยนต์เสื่อมสภาพ

-สังเกต ได้จากการนำมิเตอร์วัดไฟไปวัดค่าไฟที่แบตเตอรี่ขณะติดเครื่องยนต์และเปิดไฟ หน้า เปิดแอร์ที่ความเย็นสูงสุด และเปิดวิทยุ ถ้าไฟที่วัดได้มีค่าต่ำกว่า 13.2 โวลต์ หรือสูงกว่า 14.5 โวลต์ นั้นหมายถึงระบบชาร์จไฟของรถยนต์มีปัญหาและทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว กว่าอายุการใช้งาน (หมายเหตุ: ทั้งชนิดน้ำและแห้งสามารถทนการทำงานผิดปกติของระบบไฟได้แค่ 2-3 ครั้ง นั้นหมายถึงถ้าท่านนำรถไปซ่อมระบบไฟแล้ว และนำแบตเตอรี่ไปชาร์จไฟใหม่บางครั้งแบตเตอรี่ลูกนั้นอาจจะเสียเลยหรือพอใช้ ได้ก็ได้นะครับ)

-สังเกต ได้จากการที่รถยนต์มีไฟรั่วเกินมาตรฐาน ตรวจสอบโดยการนำมิเตอร์วัดไฟไปวัดที่ขั้วลบถ้ามีค่ากระแสไฟเลย 0.01 นั้นหมายความว่ารถของท่านมีไฟรั้ว (หมายถึงการลัดวงจร) ซึ่งกรณีนี้จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ของท่านมีอายุการใช้งานสั้นกว่ามาตรฐาน 50-70 เปอร์เซ็นต์

3. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเนื่องมาจากการใช้งานผิดประเภทหรือใช้งานหนัก

-สังเกต ได้จากการที่นำแบตเตอรี่รถยนต์ขนาดที่มีแอมแปร์ต่ำกว่าโรงงานกำหนด หรือขนาดเครื่องยนต์ กรณีนี้ก็จะทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นกว่าปกติ 50-70 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรื่องยนต์มีขนาด 3000 CC แต่นำแบตเตอรี่ขนาด 60-75 แอมแปร์ไปใช้ ก็จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานได้ไม่ถึงปี

-สังเกต ได้จากการนำแบตเตอรี่ที่มีขนาดมาตรฐานโรงงานมาติดตั้งที่รถ แต่รถคันนั้นได้ทำการติดตั้งเครื่องเสียงที่มีลักษณะการใช้ไฟสูง เช่นติดตั้งเครื่องขยายกำลังวัตต์ (แอมแปร์) ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ขนาดมาตรฐานโรงงานนั้นเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้เช่น กัน สาเหตุเนื่องมาจากเครื่องเสียงที่ติดตั้งนั้นใช้ไฟมากกว่าวิทยุเดิมๆที่ติด มากับรถยนต์

สรุปได้ว่าถ้ารถสตาร์ทติดยาก และนำไปชาร์จไฟแล้วก็ยังสตาร์ทติดยากอีก นั้นหมายถึงแบตเตอรี่ของท่านเสื่อมสภาพแล้วครับ

Share this Post: